Dancing Rah Rah Smiley

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปนอกห้องเรียน (8th September, 2015)

       การเพิ่มทักษะในการพูด

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เหมาะสมอย่างมากในการเรียน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจ การท่องเที่ยวหรือเหตุผลส่วนตัวอื่น ๆ แต่การเรียนภาษานั้น ไม่ว่าจะภาษาใดก็ตาม ก็ต้องใช้ความขยัน ความตั้งใจและไม่อายที่จะพูดหรือเขียนแม้ว่าอาจจะผิด การเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาใดก็แล้วแต่มีเพียง ทักษะหลักๆที่เราจะต้องเรียนรู้ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ก่อนทำการศึกษาเราควรรู้ระดับของตัวเองก่อนว่าภาษาเราแย่มาก แย่ ใช้ได้ ดี หรือ ดีมากแค่ไหน วิธีทดสอบไม่ต้องไปหาแบบทดสอบมาทำให้ยุ่งยากเพราะเรารู้ตัวเราเองอยู่แล้วว่าเราอยู่ระดับไหน เพียงแค่ไม่โกหกตัวเองเป็นพอ เสร็จแล้วตั้งเป้าหมายหรือหาจุดมุ่งหมายของการเรียนว่าเราจะพัฒนาทักษะด้านใดดี ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่เริ่มลงมือและอดเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญในการเรียนภาษาใหม่ ๆ คือ ความกระตือรือร้นกับการเรียนภาษานั้น ๆ อยู่เสมอ ตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาแล้วยึดมั่นในเป้าหมายนั้นโดยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เราจะได้อะไรบ้างจากการเรียนภาษาหรือเราเรียนภาษาไปเพื่ออะไร นึกถึงเป้าหมายเพื่อผลักดันตนเองในการเรียนภาษาต่อไป

ลองฝึกพูดภาษาอังกฤษวันละน้อยทุก ๆ วัน. วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาคือการพูดภาษานั้น ๆ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มพูดและรู้ศัพท์เพียงเล็กน้อยหรือคุณค่อนข้างพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว การพูดภาษาอังกฤษกับคนอื่นเป็นวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด อย่ารอจนกว่าคุณจะรู้สึกพร้อมที่จะพูดภาษาอังกฤษเพราะคุณมักจะไม่รู้สึกแบบนั้นถ้าคุณเพิ่งหัดพูด สิ่งที่คุณควรทำคือหัดพูดภาษาอังกฤษตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะแปลกใจเมื่อได้เห็นว่าทักษะภาษาอังกฤษของคุณพัฒนาไปได้ขนาดไหน ลองหาชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ดูสักคน โดยหาคนที่สามารถให้เวลากับคุณในการฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ คุณอาจจะเสนอว่า คุณจะช่วยสอนภาษาไทยให้เขาเป็นการตอบแทน แล้วคุณก็อาจจะผลัดกันฝึกภาษาอย่างเช่น พูดคุยกันเป็นเวลา 30 นาทีด้วยภาษาอังกฤษ จากนั้นก็คุยกันด้วยภาษาไทยในอีก 30 นาทีต่อมา หากคุณอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว คุณอาจจะลองฝึกพูดโดยเริ่มจากบทสนทนาง่าย ๆ กับคนที่คุณเจอ อย่างเช่น การคุณกับพนักงานในร้านขายของหรือถามทางกับคนแปลกหน้า
ฝึกการอ่านออกเสียงให้ถูกต้องด้วย. แม้ว่าคุณอาจจะเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งแล้วเพราะคุณรู้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องและรู้ศัพท์มากมาย แต่ฝรั่งก็อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณพูดหากคุณยังออกเสียงได้ไม่ถูกต้อง
ดังนั้น การออกเสียงให้ชัดเจนก็เป็นสิ่งจำเป็นถ้าคุณต้องการเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษ ลองฟังว่าฝรั่งออกเสียงคำแต่ละคำว่าอย่างไรแล้วพยายามเลียนแบบเสียงที่คุณได้ยินให้ได้ใกล้เคียงที่สุด สังเกตเสียงพยัญชนะหรือสระที่คุณไม่คุ้นเคยเพราะเสียงนั้นไม่มีในภาษาไทย อย่างเช่น หลายคนมีปัญหาในการออกเสียง “r” เพราะเสียงนี้ไม่มีในภาษาไทย หรือบางคนก็อาจจะมีปัญหากับเสียงจากพยัญชนะควบ “th” ทั้งนี้การออกเสียงคำภาษาอังกฤษบางคำอาจจะออกเสียงได้หลายแบบโดยขึ้นอยู่กับสำเนียงนั้น ๆ เช่น สำเนียงของคนอเมริกัน สำเนียงของคนอังกฤษ เป็นต้น หากคุณจะไปเที่ยวหรืออยู่ที่ประเทศดังกล่าว คุณควรรู้วิธีในการออกเสียงคำต่าง ๆ ในสำเนียงนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน
                จดจำและเรียนรู้ศัพท์รวมไปถึงสำนวนต่าง ๆ (Idiom) ในภาษาอังกฤษ. ยิ่งคุณรู้ศัพท์และสำนวนเหล่านี้มากเท่าไหร่ การพูดภาษาอังกฤษของคุณก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่า วิธีหนึ่งในการจดจำและเรียนรู้สำนวนต่าง ๆ ก็คือ การพูดคุยกับฝรั่ง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถใช้ศัพท์และสำนวนได้อย่างถูกต้องและฟังดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ คุณอาจจะลองฝึกจากการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ การดูทีวีและการฟังข่าวเป็นภาษาอังกฤษก็ได้เช่นกัน เมื่อคุณเรียนรู้ศัพท์หรือสำนวนใหม่ ๆ คุณควรลองแต่งประโยคจากคำหรือสำนวนนั้น ๆ เพราะการแต่งประโยคเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณจำคำหรือวลีเหล่านั้นได้ดีที่สุด อีกวิธีนึงในการจดจำศัพท์คือ การแปะป้ายคำศัพท์ไว้ในสิ่งต่าง ๆ รอบบ้านของคุณ เมื่อคุณใช้สิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้ คุณก็จะเห็นคำศัพท์ของสิ่งของนั้น ๆ แล้วก็จะจำได้ในที่สุด ลองหาสมุดเปล่าซักเล่มมาจดสำนวนภาษาอังกฤษต่าง ๆ ที่ฝรั่งใช้เป็นประจำ อย่างเช่น สำนวนที่ว่า “It’s raining cats and dogs.” แปลว่าฝนตกหนัก หรือ “cloud nine” ที่แปลว่ามีความสุขมาก หรือการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ว่า “a piece of cake” ซึ่งแปลว่าสิ่งนั้นง่ายมาก การใช้สำนวนเหล่านี้ในบทสนทนาบ้างจะช่วยให้ภาษาอังกฤษของคุณดูดีและเป็นธรรมชาติขึ้น สมัครเรียนภาษาอังกฤษที่สอนให้หัดพูดเป็นกลุ่ม. การเข้าเรียนทำให้เราได้หัดพูดภาษาอังกฤษเป็นประจำ
นอกจากนี้ การเรียนคอร์สภาษาอังกฤษก็เป็นวิธีที่ดีในการหัดพูดภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ในห้อง ครูจะสอนให้คุณพูดได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และมักจะสอนโครงสร้างไวยากรณ์ ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ง่าย ๆ
การจับกลุ่มหัดพูดภาษาอังกฤษเป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ โดยวิธีนี้จะเน้นให้คุณสามารถสื่อสารได้เข้าใจมากกว่าเน้นเรื่องความถูกต้องของไวยากรณ์ แต่การหัดพูดด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณกล้าพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนอื่นได้มากขึ้น การเรียนภาษาอังกฤษทั้งสองวิธีดังกล่าวนั้นมีข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป แต่ถ้าเป็นไปได้คุณควรลองเรียนทั้งสองแบบ พกพจนานุกรมติดตัวคุณตลอดเวลา. (โดยจะพกพจนานุกรมแบบเล่มหรือดาวน์โหลดพจนานุกรมลงในมือถือของคุณก็ได้)การพกพจนานุกรมจะช่วยให้คุณไม่ติดกับคำศัพท์ ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่ต้องอายเวลาที่คุณกับฝรั่งแล้วลืมคำศัพท์ไป เพราะคุณสามารถค้นหาความหมายของศัพท์นั้นได้ทันที นอกจากจะช่วยให้คุณไม่รู้สึกเคอะเขินแล้ว การค้นหาความหมายของศัพท์แล้วนำไปใช้ในประโยคทันทีจะช่วยให้คุณสามารถจำคำศัพท์นี้ได้ด้วย
การพกพจนานุกรมยังช่วยให้คุณสามารถท่องศัพท์ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อคุณมีเวลาวางระหว่างวัน เช่น ระหว่างที่คุณนั่งรถกลับบ้าน ระหว่างรอสัญญาณไฟข้ามถนนหรือระหว่างที่คุณจิบกาแฟยามเช้า คุณสามารถจำศัพท์เพิ่มได้มากถึง 20-30 คำต่อวันเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ คุณควรใช้พจนานุกรมที่แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยก่อน แต่เมื่อคุณเริ่มมีทักษะด้านภาษาอังกฤษมากขึ้นแล้ว คุณควรเปลี่ยนมาใช้พจนานุกรมแบบแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะแปลคำภาษาอังกฤษด้วยคำอธิบายความหมายของคำนั้นด้วยภาษาอังกฤษ
                เปิดเพลงและสร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นภาษาอังกฤษคนที่เก่งอังกฤษหลายคน เรียนรู้ด้วยวิธีเปิดเพลงภาษาอังกฤษทิ้งไว้ตลอด เพราะสมองคนเราสามารถเรียนรู้ได้แม้กระทั่งเวลาเราไม่ใส่ใจ(แต่เมื่อใส่ใจ ย่อมเรียนรู้ได้มากกว่า) เรื่องบางอย่าง ต้องใช้วิธีซึม จะช่วยได้มาก เช่น เรื่องสำเนียง จังหวะการพูดทำสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เป็นภาษาอังกฤษให้มากที่สุดคนที่ไปอยู่เมืองนอกเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาก เพราะซึมซับภาษาอังกฤษรอบตัวตลอดเวลา เราอยู่เมืองไทย ก็สร้างสิ่งแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับเมืองนอกได้  ใช้ Post-It Notes ติดรอบบ้านเราควรเริ่มจากการเขียนแบบง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยใส่คำศัพท์ วลี และอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นตามลำดับ ดูหนังภาษาอังกฤษหลายรอบ ในรูปแบบที่แตกต่างกันถ้าเรามีพื้นฐานภาษาอังกฤษบ้างแล้ว การดูหนังเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง(แต่ต้องทำให้ถูกหลายวิธี! ไม่งั้นจะได้ผลน้อย)การดูหนังจะได้เห็นการใช้ภาษาในบริบทจริง มีทั้งภาพและเสียงประกอบ ช่วยสร้างอารมณ์ร่วม และทำให้สมองซึมซับภาษาได้อย่างเต็มที่
เลือกใช้พจนานุกรมที่เหมาะสม
ผู้เรียนระดับต้น  พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย ที่ให้ความหมายอ่านง่าย แบ่งกลุ่มความหมายชัดเจน เช่น argue ควรแบ่งเป็น 1)โต้เถียง 2)ให้เหตุผล
ผู้เรียนระดับกลาง พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย ที่ละเอียดและมีคำศัพท์อย่างน้อย3-40,000 คำ พจนานุกรมไทย-อังกฤษ เพื่อใช้ค้นหาคำที่นำมาใช้ เวลาต้องการเขียนหรือพูดเป็นภาษาอังกฤษ
ผู้เรียนระดับสูง พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษสำหรับผู้เรียนรู้(ไม่ใช่สำหรับเจ้าของภาษา)ซึ่งจะมีคำว่า Learner’s Dictionary อยู่ในชื่อเล่ม คำนิยามของสำนวน เช่น คำว่า burn out, when hell freezes over เป็นต้น พจนานุกรมย่อยยเป็นเรื่องๆ ที่สนใจฝึกฝน เช่น พจนานุกรมสำนวนและแสลง พจนานุกรมคำคล้ายและคำตรงข้าม(thesaurus)
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา พจนานุกรมสำหรับเจ้าของภาษาที่บอกที่มาของคำ รากศัพท์ และตัวอย่างประโยคจากวรรณคดีหรือผลงานชื่อดัง เช่น Oxford English Dictionary เป็นต้น  อ่านหนังสือฝึกอ่าน (Reader) และนิตยสารที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างง่ายการอ่านหนังสือที่น่าสนใจสำหรับเรา นอกจากจะช่วยเปิดโลกทางความคิดและสร้างความรู้แล้วยังเป็นวิธีพัฒนาภาษาที่ได้ผลยอดเยี่ยม เทคนิคสำคัญ คือ จะต้องเลือกหนังสือที่เหมาะสำหรับระดับของตนเอง เช่น สำหรับนักเรียนประถมต้น ก็ควรเป็นหนังสือนิทานที่มีภาพประกอบมากๆ ตัวหนังสือไม่เยอะจนเกินไป เมื่อเราเก่งขึ้น ก็อ่านหนังสือที่ยากขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันมีการจัดพิมพ์หนังสือภาษาอังกฤษที่เขียนขึ้นสำหรับผู้เรียนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยเฉพาะ โดยแปลงเนื้อหาให้ใช้คำศัพท์และโครงสร้างไวยากรณ์ที่ง่ายๆ แบ่งออกเป็นหลายระดับ ตั้งแต่ผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษา ไปจนถึงผู้เรียนระดับกลางและสูง หนังสือเหล่านี้เรียกว่า Readers
อีกแหล่งหนึ่ง คือ นิตยสารภาษาอังกฤษ เช่น Nation Junior และ Student Weekly ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษที่ง่ายกว่านิตยสารสำหรับเจ้าของภาษา หรือ นิตยสารอย่าง Future ก็จะมีบทความที่มีทั้งสองภาษา อังกฤษและไทย ให้ดูเปรียบเทียบกัน ใช้สมุดโน้ตคำศัพท์ และกล้องของมือถือ เพื่อบันทึกคำศัพท์ประจำวัน รอบๆ ตัวเรามีภาษาอังกฤษอยู่มากมาย เพียงแต่สังเกต และบันทึกไว้ จะเป็นแหล่งในการเรียนรู้ได้อย่างดี
ตัวอย่างเช่น เสื้อยืดที่ผู้คนใส่กันทั่วไป มีภาษาอังกฤษปะปนอยู่ไม่น้อย บนเสื้อยืด ตัวหนึ่งอาจมีคำว่า “A look for the new generation” คำว่า generation หมายถึงอะไรเมื่อเจอคำศัพท์เหล่านี้ เราก็บันทึกไว้ด้วยสมุดโน้ต หรือใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้ แล้วกลับมาหาความหมาย พร้อมทบทวน การเรียนรู้แบบนี้ มีสิ่งแวดล้อมประกอบ นอกจากน่าสนใจแล้ว ยังช่วยให้จดจำได้แม่นยำกว่าด้วย (เช่น อาจจะนึกไปถึงเพื่อนคนที่ใส่เสื้อยืดตัวนั้น)
               

ดังนั้นเราอย่ากลัวที่จะผิด  อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเรียนภาษาใหม่ ๆ ก็คือ ความกลัวที่จะพูดหรือเขียนผิด
นอกจากความกลัวนี้จะไม่ช่วยพัฒนาทักษะใด ๆ แล้วยังทำให้คุณใช้ภาษานั้นได้ไม่ดีอีกด้วย จำไว้ว่าเราทุกคนย่อมผิดกันได้เมื่อเรียนภาษาใหม่ ๆ คุณคงจะประสบกับเหตุการณ์ที่น่าอายบ้างเวลาที่คุณพูดคำหยาบหรือพูดผิดโดยไม่ตั้งใจ แต่เหตุการณ์เหล่านี้นี่เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเรียนภาษาเป็นสิ่งที่สนุก และจำไว้เสมอว่าเราไม่ได้ตั้งเป้าให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ถูกต้องและใช้ภาษาได้เหมือนเจ้าของภาษาตลอดเวลา เราเน้นไปที่ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ภาษาของเรา ความผิดพลาดเป็นบทเรียนสำหรับการเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้เราได้พัฒนาการใช้ภาษาของเรามากขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น