ทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
เป็นทักษะการใช้ภาษาที่สำคัญทักษะหนึ่งที่ถูกจัดลำดับเป็นทักษะที่สองในทักษะการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง 4
ทักษะ คือ ฟัง
พูด อ่าน และเขียน
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องมีการพบปะสมาคมซึ่งกันและกัน เพื่อทำภารกิจต่าง ๆ
เพื่อการติดต่อสื่อสารประจำวัน
ทั้งการศึกษาโดยตรงคือ
การพบประพูดคุยแบบตัวต่อตัว
และการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ เช่น
การใช้โทรศัพท์
ซึ่งปัจจุบันนี้ทำได้ง่าย
สะดวก รวดเร็ว และค่าใช้จ่ายถูก
ทำให้คนส่วนมากนิยมการติดต่อสื่อสารกันโดยใช้วิธีการพูดมากกว่าวิธีอื่น การพูดเป็นการถ่ายทอดความคิด
ความเข้าใจและความรู้สึกให้ผู้ฟังได้รับรู้ และเข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้พูด ในการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ
ทักษะการพูดนับว่าเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็น
เพราะผู้ที่พูดได้ย่อมสามารถฟังผู้อื่นพูดได้เข้าใจและจะช่วยให้การอ่านการเขียนง่ายขึ้นด้วย ทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
เป็นทักษะที่ทุกคนมุ่งหวังที่จะให้ประสบความสำเร็จ เพราะการเรียนภาษาใด ๆ
ก็ตาม
หากสามารถสื่อสารด้วยการพูดสนทนาในชีวิตประจำวันได้
ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากการเรียนภาษานั้น ๆ
ได้อย่างแท้จริง
แต่ความเป็นจริงการพูดภาษาอังกฤษของคนไทยยังประสบปัญหา
นั่นคือคนไทยส่วนมากเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นระยะเวลาหลายปี คือตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังไม่สามารถพูดหรือสนทนากับชาวต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่วทั้ง ๆ
ที่คร่ำเคร่งเรียนภาษาอังกฤษกันมาอย่างหนัก ซึ่งในอดีตการเรียนจะเน้นที่การเรียนรู้กฎเกณฑ์ของภาษา การจำโครงสร้างของประโยค
แม้ปัจจุบันสภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก กล่าวคือ
เด็กไทยจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยความสนุกสนานมากขึ้น
เนื่องจากมีกิจกรรมการเรียนการสอนแบบใหม่ที่น่าสนใจ มีเกม
มีเพลง มีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย จูงใจให้นักเรียนรักเรียน มีวิธีการสอนที่ใช้การสื่อสาร (Communication Approach)
ซึ่งเน้นการสนทนา (Conversation) ตามสถานการณ์เป็นหลัก
เพื่อให้นักเรียนเคยชินกับคำศัพท์และรูปประโยคต่าง ๆ
เกิดการเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ
อย่างถูกต้อง
แม้กระนั้นเด็กรุ่นใหม่ก็ยังไม่สามารถนำภาษาอังกฤษไปใช้ตามสถานการณ์ในสภาพความเป็นจริงได้
นอกจากนั้นทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
เป็นทักษะพื้นฐานในการรับข้อมูลและถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝนอย่างเพียงพอเพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้อย่างถูกต้องเหมาะสมก่อนทักษะการอ่านและเขียน ซึ่งเป็นหลักธรรมชาติการเรียนรู้ภาษา แต่ปัจจุบันพบว่า ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของเด็กไทยยังอยู่ในระดับต้องปรับปรุงแก้ไข และจากผลการวิจัยพบว่า ความสามารถในการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนอยู่ในระดับต่ำ
นักเรียนมีสภาพปัญหาด้านความเข้าใจเหตุการณ์ที่พูด
ในบทสนทนา
การเข้าใจข้อความที่ได้ยินการเก็บใจความสำคัญของข้อความที่ฟัง และการเก็บรายละเอียดของข้อความที่ได้ยิน ส่วนความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษ พบว่านักเรียนมีความสามารถในการพูดอยู่ในระดับที่ต้องแก้ไข
ขณะที่พูดต้องแสดงท่าทางประกอบด้วยจึงจะสามารถสื่อความหมายได้ ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่เหมาะสม
ขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายให้กับนักเรียน ไม่มีความถนัด
และไม่มีโอกาสพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง
ใช้เทปบันทึกเสียงหรือวิทยุโรงเรียนน้อยมากในการสอนทักษะการฟังและพูด
แต่ใช้หนังสือประกอบการสอนมากที่สุดและขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้และผลิตอุปกรณ์การสอน
นักเรียนมีทัศนคติแง่ลบต่อการเรียนภาษาอังกฤษ
นักเรียนขาดแรงจูงใจในการเรียนและคิดว่าวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่น่าเบื่อ
เรียนแล้วไม่เข้าใจหรือไม่ชอบเรียนขาดความมั่นใจในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษเพราะแทบจะไม่ได้นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เกิดความรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องไกลตัว
ทักษะการพูด
หรือ Speaking ถือเป็นทักษะปราบเซียนในการฝึกฝนภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยหลายๆ
คน ยิ่งไม่ค่อยได้ใช้ไม่ค่อยได้พูดเรายิ่งพัฒนาได้ช้า
ถึงเวลาใกล้สอบหรือมีสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษแต่ละที ก็ต้องมาเร่งฝึกกันเสียยกใหญ่ดังนั้นเราจึงควร
1. ไม่อายที่จะพูด
มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ทักษะการพูดของคุณพัฒนาได้
นั่นก็คือการพูด พูด พูด ออกไปให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในช่วงแรกเราอาจจะพูดผิดบ่อย นึกคำศัพท์ไม่ออก หรือยังเรียบเรียงประโยคผิดๆ ถูกๆ
บ้าง ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ โดยเฉพาะถ้าถูกตำหนิหรือแซวจากคนใกล้ตัว
ให้บอกเขาไปเลยว่าเรากำลังฝึกหัดอย่างจริงจัง
ถ้าเห็นว่าเรายังบกพร่องก็ขอคำแนะนำด้วย
2. ไม่กลัวความผิดพลาด
ไมเคิล จอร์แดน
นักบาสเก็ตบอลระดับโลกเคยกล่าวไว้ว่า “ตั้งแต่เล่นบาสเป็นอาชีพ
ผมชู้ตพลาดมากกว่า 9,000 ครั้ง พ่ายแพ้มาเกือบ 300 เกม มี 26
ครั้งที่การชู้ตของผมเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะของทีมแล้วผมก็ทำมันพลาด
ผมผ่านการล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยท้อถอย
นั่นคือเหตุผลที่ผมประสบความสำเร็จ”
ในการฝึกพูดภาษาอังกฤษก็เช่นกันค่ะ
ถ้ามีคนท้วงติงมาว่าเราพูดยังไม่ถูกต้อง
ครั้งต่อไปเราก็แค่ต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
โดยเฉพาะเมื่อเรากำลังอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ อย่าไปกังวลกับแกรมม่ามากนัก
เบื้องต้นขอแค่ให้สื่อสารพอเข้าใจก่อนค่ะ แล้วค่อยพัฒนาทักษะให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ
ลองนึกถึงตอนเราเริ่มหัดพูดภาษาไทยสิคะ
ไม่มีเด็กทารกคนไหนเรียนเรื่องการเรียบเรียงประโยคก่อนหัดพูดสักคน
3. ไม่โทษตัวเอง
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด
การฝึกพูดภาษาอังกฤษก็ไม่สามารถดีขึ้นได้ในชั่วข้ามคืนฉันนั้น
หลายคนพอเริ่มฝึกหัดได้สักระยะหนึ่ง
มักชอบรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งขึ้นสักทีฝึกไปก็เท่านั้น
ทัศนคติแบบนี้แหละค่ะที่บั่นทอนกำลังใจและทำให้เราพัฒนาช้ากว่าที่ควรจะเป็น
4. ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะที่จะมัวเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยเป็นไป บางทักษะเราอาจจะไม่ถนัดเท่าคนอื่น
นั่นแปลว่าเราต้องพยายามหนักขึ้นค่ะ ในการฝึกภาษาอังกฤษเป้าหมายสำคัญที่ต้องเอาชนะให้ได้คือตัวเราเอง
5. อย่าตะบี้ตะบันพูดอย่างเดียว
ทำไมเราถึงพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว? เพราะเราฟังภาษาไทยมาตั้งแต่เกิดและฟังแทบจะตลอดเวลาไงคะ
ทีนี้ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษได้ดี เคล็ดลับอย่างหนึ่งก็คือการหัดฟังภาษาอังกฤษบ่อยๆ
ควบคู่กันไปด้วยค่ะ ซึ่งการฟังนั้นควรฟังอย่างเข้าใจและฟังอย่างต่อเนื่อง
หมั่นฝึกฝนเป็นประจำให้ทั้งสองทักษะนี้พัฒนาขึ้นไปด้วยกันจะเป็นการดีที่สุด
เคล็ดลับฝึกฟังภาษาอังกฤษยังไงให้เข้าหู
6. อ่านออกเสียงบ่อยๆ
เวลาอ่านอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นข่าว
หนังสือ หรือข้อความบนเว็บไซต์ ควรฝึกอ่านออกเสียงบ่อยๆ ให้ชินปากเข้าไว้
เพราะเราจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ และสำนวนที่น่าสนใจมากมายค่ะ
นอกจากนี้ยังทำให้เราได้พบข้อบกพร่องของตัวเองด้วยว่าชอบออกเสียงคำไหนผิดพลาด
7. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
เดี๋ยวนี้มีแอพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยออกเสียงคำศัพท์หรือประโยคภาษาอังกฤษ
อย่างเช่น พวกแอพดิกชั่นนารี หรือง่ายๆ เลยก็ Google
เพื่อนยากนี่แหละค่ะ ใส่ประโยคภาษาอังกฤษยาวแค่ไหนก็ได้ แล้วกดปุ่ม ‘ฟัง’ ที่เป็นรูปลำโพงเล็กๆ
มุมล่างขวามือ เท่านี้เราก็จะได้ฟังวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องแล้ว
เดี๋ยวนี้การฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองสะดวกสบายขึ้นและมีตัวช่วยเยอะมากค่ะ
หมั่นฝึกฝนบ่อยๆ นะคะ จะได้เก่งไวๆ
แล้วมาหาคอร์สเรียนต่อเมืองนอกกับ Hotcourses
Thailand กัน
ดังนั้นเราจึงควรการฟังเป็นการเรียนรู้ที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
ไม่ว่าจะแค่ 1 นาที 5 นาที หรือเป็นชั่วโมง การฝึกที่ดีที่สุดคือการฟังข่าวภาษาอังกฤษ
ช่องทางการฟังมีหลากหลายมาก เช่น ดูข่าวผ่านทีวี CNN,
BBC หรือช่องอื่นๆ หรือ ฟังข่าวออนไลน์ผ่านมือถือ ซึ่งหาดาวน์โหลด Application เหล่านี้ได้ง่ายมาก
ประเด็นคือฟังไม่รู้เรื่อง มันมืดไปหมด แล้วอย่างนี้จะเรียนรู้ได้อย่างไร
อย่าเพิ่งถอดใจครับเพราะเป็นเรื่องธรรมดาหากฟังไม่เข้าใจ
เพราะแม้กระทั้งคนที่ระดับภาษาอังกฤษค่อยข้างดีแล้วบางทีเขายังฟังข่าวไม่ค่อยรู้เรื่องก็มี
สิ่งที่จะแนะนำคือพยายามฟังบ่อยๆ
หากมีเวลาพยายามตั้งใจฟังและพยายามจับให้ได้ว่าเขากำลังรายงานข่าวเรื่องอะไรอยู่
พยายามแยกแยะคำศัพท์แต่ละคำออกจากกันให้ได้ถึงแม่จะไม่รู้ความหมายของคำนั้นๆก็ตาม
เพราะถ้าเราฟังเฉยๆลอยๆจะเหมือนกับเวลาฝรั่งอ่านหนังสือภาษาไทยที่ไม่รู้ว่าแต่ละคำจบตรงไหนเพราะเขียนติดกันเป็นพืดไปหมด
ดังนั้นช่วงเริ่มฟังใหม่ๆไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายหรือรู้เรื่องทั้งหมด แค่พยายามจับคำของนักข่าวให้ได้ก็พอ
แต่ถ้าไม่ได้จริงๆอย่าเพิ่งท้อเพราะการฟังบ่อยก็ช่วยให้เราคุ้นชินกับสำเนียง
ท่วงทำนอง ระดับสูงต่ำ ของภาษาได้ไปในตัว
ฟังไปนานๆมันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเราเองและไม่ช้าเราจะจับคำพูดที่เราฟังได้โดยที่ไม่ต้องพยายามอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น