Dancing Rah Rah Smiley

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สรุปนอกห้องเรียน 22 nd September, 2015

ทักษะการพูด

ทักษะการพูดภาษาอังกฤษ  เป็นทักษะการใช้ภาษาที่สำคัญทักษะหนึ่งที่ถูกจัดลำดับเป็นทักษะที่สองในทักษะการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง  4  ทักษะ  คือ  ฟัง  พูด  อ่าน  และเขียน  เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องมีการพบปะสมาคมซึ่งกันและกัน  เพื่อทำภารกิจต่าง  ๆ  เพื่อการติดต่อสื่อสารประจำวัน  ทั้งการศึกษาโดยตรงคือ  การพบประพูดคุยแบบตัวต่อตัว  และการติดต่อสื่อสารต่าง  ๆ  เช่น  การใช้โทรศัพท์  ซึ่งปัจจุบันนี้ทำได้ง่าย  สะดวก  รวดเร็ว  และค่าใช้จ่ายถูก  ทำให้คนส่วนมากนิยมการติดต่อสื่อสารกันโดยใช้วิธีการพูดมากกว่าวิธีอื่น  การพูดเป็นการถ่ายทอดความคิด  ความเข้าใจและความรู้สึกให้ผู้ฟังได้รับรู้  และเข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้พูด  ในการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ  ทักษะการพูดนับว่าเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็น  เพราะผู้ที่พูดได้ย่อมสามารถฟังผู้อื่นพูดได้เข้าใจและจะช่วยให้การอ่านการเขียนง่ายขึ้นด้วย  ทักษะการพูดภาษาอังกฤษ  เป็นทักษะที่ทุกคนมุ่งหวังที่จะให้ประสบความสำเร็จ  เพราะการเรียนภาษาใด  ๆ  ก็ตาม  หากสามารถสื่อสารด้วยการพูดสนทนาในชีวิตประจำวันได้  ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากการเรียนภาษานั้น  ๆ  ได้อย่างแท้จริง 
แต่ความเป็นจริงการพูดภาษาอังกฤษของคนไทยยังประสบปัญหา  นั่นคือคนไทยส่วนมากเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นระยะเวลาหลายปี  คือตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัย  แต่ก็ยังไม่สามารถพูดหรือสนทนากับชาวต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่วทั้ง  ๆ  ที่คร่ำเคร่งเรียนภาษาอังกฤษกันมาอย่างหนัก  ซึ่งในอดีตการเรียนจะเน้นที่การเรียนรู้กฎเกณฑ์ของภาษา  การจำโครงสร้างของประโยค  แม้ปัจจุบันสภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก  กล่าวคือ  เด็กไทยจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยความสนุกสนานมากขึ้น  เนื่องจากมีกิจกรรมการเรียนการสอนแบบใหม่ที่น่าสนใจ  มีเกม  มีเพลง  มีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย  จูงใจให้นักเรียนรักเรียน  มีวิธีการสอนที่ใช้การสื่อสาร  (Communication  Approach)  ซึ่งเน้นการสนทนา  (Conversation)  ตามสถานการณ์เป็นหลัก  เพื่อให้นักเรียนเคยชินกับคำศัพท์และรูปประโยคต่าง  ๆ  เกิดการเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง  ๆ  อย่างถูกต้อง  แม้กระนั้นเด็กรุ่นใหม่ก็ยังไม่สามารถนำภาษาอังกฤษไปใช้ตามสถานการณ์ในสภาพความเป็นจริงได้
นอกจากนั้นทักษะการพูดภาษาอังกฤษ  เป็นทักษะพื้นฐานในการรับข้อมูลและถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ  ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝนอย่างเพียงพอเพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้อย่างถูกต้องเหมาะสมก่อนทักษะการอ่านและเขียน  ซึ่งเป็นหลักธรรมชาติการเรียนรู้ภาษา  แต่ปัจจุบันพบว่า  ความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของเด็กไทยยังอยู่ในระดับต้องปรับปรุงแก้ไข  และจากผลการวิจัยพบว่า  ความสามารถในการฟังภาษาอังกฤษของนักเรียนอยู่ในระดับต่ำ  นักเรียนมีสภาพปัญหาด้านความเข้าใจเหตุการณ์ที่พูด
ในบทสนทนา  การเข้าใจข้อความที่ได้ยินการเก็บใจความสำคัญของข้อความที่ฟัง  และการเก็บรายละเอียดของข้อความที่ได้ยิน  ส่วนความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษ  พบว่านักเรียนมีความสามารถในการพูดอยู่ในระดับที่ต้องแก้ไข  ขณะที่พูดต้องแสดงท่าทางประกอบด้วยจึงจะสามารถสื่อความหมายได้  ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ  ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่เหมาะสม
ขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายให้กับนักเรียน  ไม่มีความถนัด
และไม่มีโอกาสพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง  ใช้เทปบันทึกเสียงหรือวิทยุโรงเรียนน้อยมากในการสอนทักษะการฟังและพูด  แต่ใช้หนังสือประกอบการสอนมากที่สุดและขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้และผลิตอุปกรณ์การสอน นักเรียนมีทัศนคติแง่ลบต่อการเรียนภาษาอังกฤษ  นักเรียนขาดแรงจูงใจในการเรียนและคิดว่าวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่น่าเบื่อ  เรียนแล้วไม่เข้าใจหรือไม่ชอบเรียนขาดความมั่นใจในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษเพราะแทบจะไม่ได้นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน  เกิดความรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องไกลตัว
                ทักษะการพูด หรือ Speaking ถือเป็นทักษะปราบเซียนในการฝึกฝนภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยหลายๆ คน ยิ่งไม่ค่อยได้ใช้ไม่ค่อยได้พูดเรายิ่งพัฒนาได้ช้า ถึงเวลาใกล้สอบหรือมีสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษแต่ละที ก็ต้องมาเร่งฝึกกันเสียยกใหญ่ดังนั้นเราจึงควร
1. ไม่อายที่จะพูด
มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ทักษะการพูดของคุณพัฒนาได้ นั่นก็คือการพูด พูด พูด ออกไปให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในช่วงแรกเราอาจจะพูดผิดบ่อย นึกคำศัพท์ไม่ออก หรือยังเรียบเรียงประโยคผิดๆ ถูกๆ บ้าง ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ โดยเฉพาะถ้าถูกตำหนิหรือแซวจากคนใกล้ตัว ให้บอกเขาไปเลยว่าเรากำลังฝึกหัดอย่างจริงจัง ถ้าเห็นว่าเรายังบกพร่องก็ขอคำแนะนำด้วย
2. ไม่กลัวความผิดพลาด
ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเก็ตบอลระดับโลกเคยกล่าวไว้ว่า ตั้งแต่เล่นบาสเป็นอาชีพ ผมชู้ตพลาดมากกว่า 9,000 ครั้ง พ่ายแพ้มาเกือบ 300 เกม มี 26 ครั้งที่การชู้ตของผมเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะของทีมแล้วผมก็ทำมันพลาด ผมผ่านการล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยท้อถอย นั่นคือเหตุผลที่ผมประสบความสำเร็จ
ในการฝึกพูดภาษาอังกฤษก็เช่นกันค่ะ ถ้ามีคนท้วงติงมาว่าเราพูดยังไม่ถูกต้อง ครั้งต่อไปเราก็แค่ต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร โดยเฉพาะเมื่อเรากำลังอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ อย่าไปกังวลกับแกรมม่ามากนัก เบื้องต้นขอแค่ให้สื่อสารพอเข้าใจก่อนค่ะ แล้วค่อยพัฒนาทักษะให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ลองนึกถึงตอนเราเริ่มหัดพูดภาษาไทยสิคะ ไม่มีเด็กทารกคนไหนเรียนเรื่องการเรียบเรียงประโยคก่อนหัดพูดสักคน
3. ไม่โทษตัวเอง
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด การฝึกพูดภาษาอังกฤษก็ไม่สามารถดีขึ้นได้ในชั่วข้ามคืนฉันนั้น หลายคนพอเริ่มฝึกหัดได้สักระยะหนึ่ง มักชอบรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งขึ้นสักทีฝึกไปก็เท่านั้น ทัศนคติแบบนี้แหละค่ะที่บั่นทอนกำลังใจและทำให้เราพัฒนาช้ากว่าที่ควรจะเป็น
4. ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะที่จะมัวเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยเป็นไป บางทักษะเราอาจจะไม่ถนัดเท่าคนอื่น นั่นแปลว่าเราต้องพยายามหนักขึ้นค่ะ ในการฝึกภาษาอังกฤษเป้าหมายสำคัญที่ต้องเอาชนะให้ได้คือตัวเราเอง
5. อย่าตะบี้ตะบันพูดอย่างเดียว
ทำไมเราถึงพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว? เพราะเราฟังภาษาไทยมาตั้งแต่เกิดและฟังแทบจะตลอดเวลาไงคะ ทีนี้ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษได้ดี เคล็ดลับอย่างหนึ่งก็คือการหัดฟังภาษาอังกฤษบ่อยๆ ควบคู่กันไปด้วยค่ะ ซึ่งการฟังนั้นควรฟังอย่างเข้าใจและฟังอย่างต่อเนื่อง หมั่นฝึกฝนเป็นประจำให้ทั้งสองทักษะนี้พัฒนาขึ้นไปด้วยกันจะเป็นการดีที่สุด
   เคล็ดลับฝึกฟังภาษาอังกฤษยังไงให้เข้าหู
6. อ่านออกเสียงบ่อยๆ
เวลาอ่านอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นข่าว หนังสือ หรือข้อความบนเว็บไซต์ ควรฝึกอ่านออกเสียงบ่อยๆ ให้ชินปากเข้าไว้ เพราะเราจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ และสำนวนที่น่าสนใจมากมายค่ะ นอกจากนี้ยังทำให้เราได้พบข้อบกพร่องของตัวเองด้วยว่าชอบออกเสียงคำไหนผิดพลาด
7. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
เดี๋ยวนี้มีแอพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยออกเสียงคำศัพท์หรือประโยคภาษาอังกฤษ อย่างเช่น พวกแอพดิกชั่นนารี หรือง่ายๆ เลยก็ Google เพื่อนยากนี่แหละค่ะ ใส่ประโยคภาษาอังกฤษยาวแค่ไหนก็ได้ แล้วกดปุ่ม ฟังที่เป็นรูปลำโพงเล็กๆ มุมล่างขวามือ เท่านี้เราก็จะได้ฟังวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องแล้ว เดี๋ยวนี้การฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองสะดวกสบายขึ้นและมีตัวช่วยเยอะมากค่ะ
หมั่นฝึกฝนบ่อยๆ นะคะ จะได้เก่งไวๆ แล้วมาหาคอร์สเรียนต่อเมืองนอกกับ Hotcourses Thailand กัน

                ดังนั้นเราจึงควรการฟังเป็นการเรียนรู้ที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะแค่ 1 นาที 5 นาที หรือเป็นชั่วโมง การฝึกที่ดีที่สุดคือการฟังข่าวภาษาอังกฤษ ช่องทางการฟังมีหลากหลายมาก เช่น ดูข่าวผ่านทีวี CNN, BBC หรือช่องอื่นๆ หรือ ฟังข่าวออนไลน์ผ่านมือถือ ซึ่งหาดาวน์โหลด Application เหล่านี้ได้ง่ายมาก ประเด็นคือฟังไม่รู้เรื่อง มันมืดไปหมด แล้วอย่างนี้จะเรียนรู้ได้อย่างไร อย่าเพิ่งถอดใจครับเพราะเป็นเรื่องธรรมดาหากฟังไม่เข้าใจ เพราะแม้กระทั้งคนที่ระดับภาษาอังกฤษค่อยข้างดีแล้วบางทีเขายังฟังข่าวไม่ค่อยรู้เรื่องก็มี สิ่งที่จะแนะนำคือพยายามฟังบ่อยๆ หากมีเวลาพยายามตั้งใจฟังและพยายามจับให้ได้ว่าเขากำลังรายงานข่าวเรื่องอะไรอยู่ พยายามแยกแยะคำศัพท์แต่ละคำออกจากกันให้ได้ถึงแม่จะไม่รู้ความหมายของคำนั้นๆก็ตาม เพราะถ้าเราฟังเฉยๆลอยๆจะเหมือนกับเวลาฝรั่งอ่านหนังสือภาษาไทยที่ไม่รู้ว่าแต่ละคำจบตรงไหนเพราะเขียนติดกันเป็นพืดไปหมด ดังนั้นช่วงเริ่มฟังใหม่ๆไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายหรือรู้เรื่องทั้งหมด แค่พยายามจับคำของนักข่าวให้ได้ก็พอ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆอย่าเพิ่งท้อเพราะการฟังบ่อยก็ช่วยให้เราคุ้นชินกับสำเนียง ท่วงทำนอง ระดับสูงต่ำ ของภาษาได้ไปในตัว ฟังไปนานๆมันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเราเองและไม่ช้าเราจะจับคำพูดที่เราฟังได้โดยที่ไม่ต้องพยายามอีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น