Dancing Rah Rah Smiley

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานแปล เรื่องมนุษย์ช้าง

มนุษย์ช้าง (ทิม วิคารี่)

บทที่1 : สัตว์ประหลาดในร้านขายของ
            ผมชื่อ ด็อกเตอร์ ฟรีดริก ทรีเวส ผมเป็นหมอ ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลลอนดอน วันหนึ่งในปี1884 ผมได้เห็นรูปภาพผ่านหน้าต่างของร้านค้าซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล ผมได้หยุดอยู่ด้านหน้าของร้านค้าและมองไปยังภาพ สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้คือ ผมมีความสนใจ หลังจากนั้น ผมรู้สึกโกรธ รู้สึกกลัว มันเป็นภาพที่ดูน่าเกลียดน่ากลัว ซึ่งมีผู้ชายอยู่ในรูปภาพนั้น  แต่เขาดูไม่เหมือนคุณและผม เขาดูไม่เหมือนผู้ชาย เขาดูคล้ายช้าง
            ผมได้อ่านข้อความที่อยู่ด้านล่างรูปภาพนั้น มันเขียนว่า “เข้ามาด้านในและจะเห็นช้าง เพียง2 เพนนีเท่านั้น”
            ผมได้เปิดประตูและเข้าไปด้านใน ที่นี้มีผู้ชายในร้านค้า เขาสวมใสเสื้อหนังที่สกปรกและเขาได้สูบบุหรี่อยู่ด้วย “คุณต้องการอะไร” เขาถามขึ้น

          “ผมต้องการที่จะเห็นผู้ชายหัวช้าง “ ผมพูดขึ้น
เขาได้มองมาที่ผมอย่างโกรธเคือง “คุณไม่สามารถดูได้ เพราะร้านค้าจะปิดลงเดี่ยวนี้” คุณสามารถกลับมาดูใหม่ได้ ในวันพรุ่งนี้
            “ขอโทษด้วย” ผมพูด  “แต่ผมต้องการที่จะดูเขาในเวลานี้” พรุ่งนี้ผมไม่มีเวลาหรอก เพราะผมมีงานที่จะต้องทำเยอะมาก แต่ผมสามารถให้เงินคุณมากกว่า 2เพนนี นะ
            ผู้ชายคนนั้นมองมาที่ผมด้วยความหวาดระแวง หลังจากนั้นเขาได้เอาบุหรี่ออกจากปากและยิ้มด้วยฟันสีเหลือง
            “ได้ครับ คุณผู้ชาย” เขาพูด ให้เงินผม12เพนนีสิครับ
ผมได้ให้เงินกับเขา และเขาก็ได้เปิดประตูข้างหลังของร้านค้า พวกเราได้เดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ซึ่งห้องนั้นหนาวและมืดมาก และที่นี้มีกลิ่นแย่ๆ
            สัตว์ประหลาดได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะ ผมพูดว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด เพราะเขาดูไม่เหมือนผู้ชาย หรือผู้หญิง ไม่เหมือนคุณและผม สัตว์ประหลาวไม่ได้ขยับตัวหรือมองมาที่พวกเรา เขานั่งอยู่เงียบๆบนเก้าอี้ในห้องที่เย็น มืด สกปรก และจ้องมองแต่ที่โต๊ะ เขามีเสื้อปิดหัวเขาอยู่เพราะว่ามีอากาศหนาว บนโต๊ะด้านหน้าของเขามีดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาตายแล้ว
            “ยืนขึ้นสิ” เจ้าของร้านพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
          สัตว์ประหลาวก็ได้ยืนขึ้นอย่างช้าๆ เขาได้เอาเสื้อออกจากศีรษะของเขาและวางไว้บนเก้าอี้
            ผมมองดูที่สัตว์ประหลาวและรู้สึกเศร้า ผมเป็นหมอ ดังนั้นผมรู้เกี่ยวกับอุบัติเหตูมากมายรวมทั้งอาการไข้ของคน ผมเห็นสิ่งที่น่าเกลียด น่ากลัว สิ่งที่น่าแขยะแขยงทุกวัน  แต่สัตว์ประหลาวคนนี้ มันดูแย่กว่าทุกสิ่ง ในโรงพยาบาลไม่มีผู้ชายหรือผู้หญิงที่ชอบเขา
            เขาสวมใส่กางเกงตัวเก่า แต่ไม่มีเสื้อเชิ้ต เสื้อหนัง หรือรองเท้า ดังนั้นผมจึงเห็นร่างกายของเขา ศีรษะของเขาเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก มันใหญ่มากๆๆดูเหมือนถุงใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือ บนศีรษะของเขาไม่มีเส้นผม ผมไม่สามารถเห็นดวงตาของเขาได้ เพราะมีผิวหนังที่ยื่นออกมาจากใบหน้ามากเกินไป
            มีฟันสีแดงอันใหญ่ออกมาจากปากของเขาใต้จมูกของเขา มันมองดูเหมือนฟันของช้าง หน้าของเขาไม่สามารถยิ้ม หัวเราะ โกรธ เศร้า เสียใจ ได้ เพราะใบหน้าของเขาไม่สามารถขยับได้ มันได้ตายไปแล้ว ดูเหมือนหน้าของช้าง
            เขามีแขนขวา ที่มีขนาดใหญ่มากและมีถุงน้ำเกิดขึ้นตามผิวหนัง แขนขวาของเขาดูเหมือนเท้าของคน แต่มือซ้ายของเขา แขนซ้าย สวยมาก แขนซ้ายของเขามีผิวหนังที่สวยงามมาก และนิ้วมือข้างซ้ายของเขา เรียว ยาว สวยงามมาก มันดูคล้ายๆมือของผู้สาว
            “เดินสิ แมริก” เจ้าของร้านพูดด้วยความโกรธ  “เข้ามา ช้าๆ” เขาตีสัตว์ประหลาด
            แมริกเดินมายังหน้าหน้าช้าๆ แต่เขาไม่สามารถเดินได้สะดวก ขาของเข้าทั้งใหญ่และอ้วนมาก เขาไม่สามารถเดินไกลๆโดยไม่มีไม้เท้าได้
            “ขอบคุณ” ผมพูดขึ้น “ให้เขาไปนั่งเถอะ ผมไม่ต้องการเห็นอะไรไปมากกว่านี้” ผมรู้สึกไม่สบายและได้กลิ่นเย่ๆในห้องนี้
            “ได้ครับ คุณผู้ชาย” เจ้าของร้านได้พูดขึ้น “นั่งลง แมริก”
พวกเราเดินออกจากห้องและปิดประตู เจ้าของร้านได้หันมายิ้มกับผมด้วยฟันสีเหลือง
            “สุดยอดไปเลยใช่ไหมครับ คุณผู้ชาย” เขาพูดขึ้น  “เขาเป็นช้างที่ดีที่สุดในประเทศอังกฤษ หนึ่งร้อยคนที่ได้เข้ามาเห็นเขา หนึ่งร้อยคนเท่านั้น เพราะผมจะพาเขาออกจากนอกเมือง
            “ใช่ น่าสนใจมาก” ผมพูด “ผมนั่งได้ไหม”
            “ได้ครับนายท่าน เชิญนั่ง นี้เก้าอี้ครับ” เขามองมาที่ฉันและยิ้ม “คุณต้องการรับน้ำไหมครับ”
            “ใช่ ผมต้องการ” ผมตอบ หลังจากนั้น ผมมองดูสิ่งของสกปรกในร้านค้านี้ มีแอปเปิ้ลเน่าอยู่2-3ลูกและมีกล้วยผลสีดำอยู่บ้างส่วน “คุณเรียกสัตว์ประหลาดนั้นว่า แมริกหรอ” ผมถามขึ้น
            “ถูกต้องแล้วครับคุณผู้ชาย เขามีชื่อว่า  จอห์น แมริก เป็นช้างที่ดีที่สุดในประเทศอังกฤษ ผมจะพาเอขาออกจากนอกเมืองนี้ คุณก็รู้ ยังมีผู้คนอีกเยอะที่ต้องการเห็นเขา
            “ใช่ ผมรู้ และคุณก็จะได้เงินเป็นจำนวนมาก ใช่ไหม”
            “ใช่แล้ว บางครั้งที่พวกเราจะได้เงินครับ แต่มันก็ยาก คุณก็เห็นอยู่ เพราะพวกตำรวจไง ตำรวจไม่ชอบพวกเรา ดังนั้นพวกเราไม่สามารถอยู่ในเมืองได้นานๆ พวกเราต้องออกจากเมืองทุกอาทิตย์”
            “ใช่ ผมรู้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เออ คุณ”
            “ซิลค๊อกครับ ซีมอน ซิลค๊อก”
            “ครับ คุณซิลค๊อก ผมเป็นหมอ ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลลอนดอน ผมชื่อด็อกเตอร์ทรีเวส ผมคิดว่า ผู้ชายคนนั้นที่ชื่อ  จอห์น แมริก มีความน่าสนใจมาก และผมต้องการที่จะพาเขาไปโรงพยาบาล ผมต้องการที่จะดูแลเขาอย่างใกล้ชิด”
            “ได้สิครับ ผมเห็นด้วย แต่จะพาเขาไปโรงพยาบาลอย่างไรดี เขาเดินทางไปลำบากมาก”
            “ทำไมหรอ โรงพยาบาลไม่ได้อยู่ไกลจากที่นี้เลยนะ”
            “ใช่ครับ ผมรู้ แต่คุณก็เห็น แมริกไม่สามารถเดินได้ เขาต้องการความช่วยเหลือ”
            “คุณสามารถมากับเขาได้นะ คุณต้องการเงินเท่าไร เดี่ยวผมจะให้”
            “ครับ แต่คุณก็เห็น ผู้คนกลัวเขา บนท้องถนน มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆวิ่งตามหลังเขาและตีเขา หลังจากนั้นพวกตำรวจก็โกรธเพราะผู้คนกลัวเขา บางครั้งพวกเขาจับพวกเราเข้าคุก”
            “ฉันรู้” ผมพูด “เราจะพาเขาไปโรงพยาบาลอย่างไรดี”
            “ไปด้วยรถแท็กซี่สิ” ซิลค๊อกพูด “คุณสามารถพาเขาไปโรงพยาบาลโดยรถแท็กซี่”
บทที่2 : นามบัตร
            วันถัดมา เวลา7โมงเช้า ผมได้มาร้านขายของโดยรถแท็กซี่ มีคนไม่มากนักบนท้องถนนเพราะมันยังเช้าตรู่มากๆ ในเดือนพฤศจิกายน มันจะมืดมากตอนเวลา7โมงเช้า และผมไม่สามารถมองเห็นร้านค้าได้ดีนัก ผมรอประมาณ 5นาที ก็ได้มีบุรุษไปรษณีย์เดินผ่านไป หลังจากนั้นประตูของร้านค้าก็ได้เปิดออกและสัตว์ประหลาด แมริก ก็ได้ออกมา
            ผมไม่สามารถเห็นหน้าของเขาหรือร่างกายของเขาได้ เขาสวมถุงสีดำอันใหญ่มหึมาอยู่บนหัวของเขา ดูเหมือนกล่องขนาดใหญ่ มีเสื้อสีเทาออกมาจากหมวก เขาสวมใสเสื้อหนังสีดำ เสื้อหนังยาวจากคอของเขา จนไปถึงเท้า ผมไม่สามารถเห็นแขนของเขา ร่างกายหรือขาของเขาได้ รองเท้าที่เขาสวยใส่อยู่ใหญ่มาก ดูเหมือนถุงเก่าๆ
            เขามีไม้เล็กๆ อยู่ในมือของเขาและเขาเดินช้ามาก ผมได้เปิดประตูของรถแท็กซี่ และเข้าไป
            “สวัสดีตอนเช้าครับ คุณแมริก” ผมพูด  คุณเข้ามาข้างในนี้ได้ไหม”
            “แอ๊ฟมายอุพาสเติบ” เขาพูด
            “ขอโทษครับ” ผมพูด “ผมไม่เข้าใจ”
ผ่านไป1นาที เขาได้ยืนอยู่หน้าประตูของรถแท็กซี่และไม่พูดอะไรเลยอหลังจากนั้นเขาตีรถแท็กซี่ด้วยไม้
            “ก้าวเท้า” เขาพูดด้วยเสียงดัง “ช่วยฉันก้าวเท้า”
            หลังจากนั้น ผมจึงได้เข้าใจ มี3วิธีในการก้าวเท้าขึ้นรถแท็กซี่ และเขาไม่สามารถทำได้
“ใช่ ผมรู้ ผมขอโทษ เดี่ยวผมจะช่วยคุณครับ” ผมพูด
ผมได้จับแขนซ้ายของเขาและเริ่มช่วยเขา มือขวาของผมจับหลังของเขาไว้ ผมรู้สึกประหลาดใจมาก มือซ้ายของเขาดูเหมือนมือของผู้หญิงมาก ภายใต้เสื้อหนัง มันดูน่ากลัวมาก ผมสามารถรู้สึกผ่านถุงของผิวหนังบนหลังภายใต้เสื้อ
            เขาวางเท้าอันใหญ่มหึมาเป็นการก้าวเดินข้างหนึ่ง และจากนั้นเขาหยุดเดิน หลังจากนั้นหนึ่งนาทีผ่านไป เขาได้ก้าวเท้าอีกข้างหนึ่งอย่างช้าๆ หลังจากนั้นเขาหยุดและรออีกครั้ง
            “สวัสดีครับ ให้ผมช่วยคุณไหม”
            ผมได้มองข้างหลังผม เขาคือบุรุษไปรษณีย์ ข้างหลังเขา ผมเห็นผู้ชาย3คน 1ในนั้นกำลังหัวเราะอยู่
บุรุษไปรษณีย์ยิ้ม  “ผู้ชายคนนั้นป่วยหรอ” เขาถามขึ้น
ผมคิดเงียบๆ “ใช่ แต่นี้ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย ผมเป็นหมอและหล่อนป่วยอยู่ ดังนั้นผมจะมาช่วยหล่อนให้หายจากการป่วย
บุรุษไปรษณีย์พามือซ้ายของแมริกและผมช่วยเขาเขาด้วยสองมือจากด้านหลัง อย่างช้าๆ ช้ามากๆ แมริกก้าวเท้าขึ้นรถแท็กซี่
            มีผู้ชายหนึ่งคนอยู่ใกล้กับรถแท็กซี่ เขาได้เรียกเพื่อนของเขา
            “เพื่อนๆ มาดูนี้สิ ผู้หญิงอ้วนใส่เสื้อหนังสีดำและดูไปที่หมวกอันใหญ่นั้นสิ “
            ผู้ชายคนนั้นหัวเราะ พวกเขาอยู่ใกล้รถแท็กซี่มา ผมจึงได้ปิดประตูอย่างเบาๆ
          “ขอบคุณนะครับ” ผมพูดกับบุรุษไปรษณีย์
            “ไม่เป็นไรครับ” เขาพูด “หล่อนเป็นผู้หญิงที่ประหลาดมาก”
            “หล่อนป่วยอยู่นะครับ” ผมตอบอย่างเบาๆ “พวกเรากำลังไปโรงพยาบาล ลาก่อน และขอบคุณมากๆครับ
คนขับรถแท็กซี่ได้ขับรถไปตามท้องถนนเพื่อไปโรงพยาบาล ผมมองดูแมริก มันเป็นเรื่องยากที่จะช่วยเขา เขาไม่ได้พูดอะไร แต่หลังจากนั้นเขาได้พูดขึ้น เสียงของเขาดูประหลาดมาก แต่ผมฟังเขาอย่างตั้งใจ และผมก็เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
            “การก้าวเดินในแต่ละครั้งมันยากมาก” เขาพูด “แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยากสำหรับฉัน”
            “ใช่” ผมพูด ไม่มีสิ่งไหนที่ง่ายสำหรับคุณ”
            “ไม่” เขาพูด เขาเงียบไปหนึ่งนาที หลังจากนั้นเขาได้ขึ้นว่า “คุณเป็นใคร”
            “ผมเป็นใคร โอ้ ผมขอโทษ ผมชื่อ ด็อกเตอร์ทรีเวส นี้คือนามบัตรของผม
            ผมได้ให้นามบัตรของผม หลังจากนั้นผมคิด นั้นมันไม่ดีเลย ผู้ชายคนนี้อ่านหนังสือไม่ออก แต่ แมริกอานามบัตรไปและมองดูนามบัตรอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นเขาเก็บนามบัตรไว้ในกระเป่ากางเกงขายาว
            ผมไม่ได้พูดคุยกับเขามากนักที่โรงพยาบาล ผมได้มองดูที่ศีรษะของเขา แขน ขา และร่างกายของเขาอย่างตั้งใจ หลังจากนั้น ผมเขียนสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับเขาลงในสมุดเล่มเล็กๆ มีนางพยาบาลมาช่วยผม บางครั้งแมริกได้มองดูที่หล่อน แต่หล่อนก็ไม่ได้ยิ้มให้เขาหรือพูดคุยกับเขา ผมคิดว่าหล่อนคงกลัว ผมคิดว่าแมริกก็น่าจะกลัวอยู่ เพราะเขาดูเงียบมาก
            4โมงเย็น ผมได้พาเขากลับร้านขายของโดยรถแท็กซี่ วันถัดมา ผมได้มองไปที่ร้านนั้นอีกครั้ง แต่ไม่มีรูปนั้นอยู่แล้ว
บทที่3 : จดหมายถึง “เดอะ ทาม”
            ผมไม่ได้เห็นแมริกอีก 2ปี หลังจากนั้น วันหนึ่งตำรวจได้พบเขา เขามีนามบัตรของผมอยู่ในมือของเขา ดังนั้นพวกเขาก็ได้นำตัวแมริกมาส่งที่โรงพยาบาลลอนดอน เขาดูเหนื่อย หิว และสกปรกมาก ดังนั้นผมได้พาเขาไปที่เตียงในห้องเล็กๆ ที่เงียบ แต่เขาไม่สามารถอยู่ในโรงพยาบาลได้ เขาไม่ได้ป่วย และเตียงของโรงพยาบาลก็มีไว้เพื่อคนที่ไม่สบายเท่านั้น พวกเราไม่มีเตียงสำหรับบุคคลที่เหนื่อย หิว หรือคนที่น่าเกลียดน่ากลัว
            ผมได้พูดคุยกับประธานของโรงพยาบาล นายคาร์ โกม เกี่ยวกับเรื่องของแมริก เขาได้ฟังอย่างตั้งใจและหลังจากนั้น เขาได้เขียนจดหมายถึงบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ เดอะ ทาม
            จาก เดอะ ทาม วันที่ 4 เดือนธันวาคม ค.ศ 1886
            เขียนถึงบรรณาธิการ
ฉันกำลังเขียนจดหมายถึงคุณเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งในโรงพยาบาลของเรา เขาต้องการได้รับความช่วยเหลือจากพวกคุณ เขามีชื่อว่า โจซีฟ แมริก เขามีอายุ 27ปี เขาไม่ได้ป่วย แต่เขาไม่สามารถเดินออกไปจากโรงพยาบาลได้ เพราะเขาดูน่ากลัวมากๆๆ ไม่มีใครชอบเขาเลย และบางคนก็กลัวเขาด้วยซ้ำ พวกเราเรียกเขาว่ามนุษย์ช้าง
            2 ปีที่ผ่านมา แมริกอาศัยอยู่ในร้านขายของซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโรงพยาบาลลอนลอน ให้เงิน 2 เพนนี เพื่อที่จะได้เห็นเขาและได้หัวเราะเขา วันหนึ่งด็อกเตอร์ ทรีเวส ซึ่งเป็นหมอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลลอนดอนได้ไปพบเจอแมริก และได้พาเขามาโรงพยาบาลนี้ และดูเหมือนว่าเขามีความตั้งใจมาก ด็อกเตอร์ทรีเวสไม่สามารถช่วยแมริกได้ แต่เขาได้ให้นามบัตรของเขาไว้
            หลังจากนั้น เจ้าของร้าน ซิลค้อก ก็ได้พาแมริกไปเบลเยี่ยม มีผู้คนจำนวนมากในเบลเยี่ยมต้องการที่จะดูเขา หลังจากนั้น 1 ปี แมริกมี f50 แต่หลังจากนั้นซิงค้อกพาแมริกออกจากเบลเยี่ยมและพาเขากลับดอนลอน
            แมริกกลับลอนดอนด้วยตัวของเขาเอง ทุกคนบนรถไฟและในเรือมองเขาและหัวเราะเขา เมื่อมาถึงลอนดอน ตำรวจจับเขาไปขังคุก แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นนามบัตรของด็อกเตอร์ทรีเวส พวกเขาก็ได้พาแมริกมาส่งที่โรงพยาบาลลอนดอน
            ผู้ชายคนนี้ไม่มีเงิน และเขาก็ไม่สามารถทำงานได้ ใบหน้าและร่างกายของเขาน่าเกลียดน่ากลัวมากๆนี้คือเหตุผลที่ผู้คนมากมายกลัวเขา แต่เขาเป็นผู้ชายที่มีความน่าสนใจมาก เขาสามารถอ่านและเขียน และเขามีความคิดมากมาย เขาเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่มีบุคลิกที่เงียบ บางครั้งเขาได้ทำสิ่งของด้วยมือของเขาและให้ของนั้นแก่พยาบาลเพราะพวกเขาใจดีกับแมริก
            เขาจำแม่ของเขาได้ และเขามีรูปภาพของแม่ หล่อนสวยและใจดี เขาพูด แต่ปัจจุบันนี้ไม่เคยได้เห็นหล่อนเลย หล่อนให้เขากับซิลค้อกเมื่อนานมาแล้ว
            ผู้อ่านเดอะทามสามารถช่วยพวกเราได้ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ป่วย แต่เขาต้องการบ้าน พวกเราสามารถให้ห้องของโรงพยาบาล แต่พวกเราต้องการเงิน กรุณาเขียนมาหาฉันที่โรงพยาบาลลอนดอน
ผู้ที่มีความศรัทธาในศาสนาที่แท้จริง
เอฟ ซี คาร์ โกม
บรรณาธิการของโรงพยาบาลลอนดอน
ผู้อ่านหนังสือพิมพ์เดอะทามเป็นคนใจดี พวกเขาได้ให้เงินกับพวกเราเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น 1สัปดาห์ พวหเรามีเงิน 50,000f ดังนั้น แมริกสามารถอยู่ในโรงพยาบาลได้ตลอดชีวิต พวกเราสามารถหาบ้านให้เขาได้
บทที่4 : บ้านหลังแรกของแมริก
          พวกเราให้ห้องแมริก2ห้อง ห้องแรกเป็นห้องน้ำ ดังนั้นเขาสามารถอาบน้ำได้ทุกวัน ผิวหนังของเขาจะได้ไม่สกปรกและที่นี้จะไม่มีกลิ่นที่แย่ๆ ส่วนห้องที่สอง มีเตียง โต๊ะและเก้าอี้ ผมมาเยี่ยมเขาทุกๆวันและพูดคุยกับเขา เขารักการอ่าน และชอบพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือ สิ่งแรกที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับหนังสือ คือคัมภีร์ไบเบิล และอย่างที่สองคือหนังสือพิมพ์ แต่ผมให้หนังสือบางเล่มกับเขาไปและเขาก็ชอบหนังสือนั้นมากๆ เขาอ่านแล้วอ่านอีก และพูดเกี่ยวกับหนังสือบ่อยมาก สำหรับเขา ผู้ชายหรือผู้หญิงในหนังสือนี้มีชีวิตจริง ดูเหมือนคุณหรือผม เขามีความสุขมากๆ
            แต่บางครั้งมันก็แย่สำหรับเขา มี1หรือ2คนในโรงพยาบาลนี้ที่หัวเราะแมริกเพราะเขาดูน่าเกลียด บางครั้งพวกเขาก็ชี้ไปที่แมริกให้เพื่อนดู วันหนึ่งมีพยาบาลคนใหม่เข้ามาในโรงพยาบาล และไม่มีใครบอกหล่อนเกี่ยวกับเรื่องแมริก หล่อนพาอาหารมาให้เขาในห้อง และเปิดประตูเข้ามา หลังจากนั้นหล่อนเห็นเขา หล่อนกลัว และทำอาหารตกลงพื้นและรีบวิ่งออกจากห้องทันที
            ผมโกรธนางพยาบาลคนนั้นมาก และไปหาแมริก เขาไม่มีความสุข แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมา ผมคิดว่าเขาคงรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับพยาบาลคนนั้น
            “ผู้คนไม่ชอบมองมาที่ผม ผมรู้ ด็อกเตอร์ทรีเวส” เขาพูด “ปกติแล้วพวกเขาหัวเราะหรือไม่ก็กลัว”
            “ฉันไม่ต้องการให้นางพยาบาลหัวเราะคุณโจซีฟ” ผมพูดด้วยความโมโห “ผมต้องการที่จะช่วยคุณ”
            “ขอบคุณครับ คุณหมอ” เขาพูด “แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย ทุกคนหัวเราะฉัน ฉันเข้าใจดี”
ผมมองเขาด้วยสายตาเศร้า มือข้างหนึ่งของเขามีรูปภาพแม่เล็กๆ เขามองไปที่รูปภาพนั้นประมาณ 1 นาที และหลังจากนั้นวางรูปไว้ข้างดอกไม้บนโต๊ะ มีน้ำตาร่วงออกมาจากตาและตกลงบนผิวหนังอันใหญ่มหึมา
            “ด็อกเตอร์ทรีเวส” เขาพูดอย่างช้าๆ “คุณและพยาบาลเป็นคนใจดีมากๆ และฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี้ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้ตลอดไป และฉันต้องการที่จะอยู่ในประภาคาร หลังจากโรงพยาบาลนี้ ประภาคารหรือบ้านสำหรับคนตาบอด ฉันคิดว่าที่นั้นน่าจะดีที่สุดสำหรับฉัน”
            “คุณหมายความว่าอย่างไร” ผมถาม “ทำไม”
เขาไม่มองมาที่ผม เขาวางดอกไม้ไว้บนรูปและมองดูมันด้วยความระมัดระวัง
            “ประภาคารมีทะเลรอบรอบ ไม่ใช่หรือคุณ” เขาพูด “ไม่มีใครสามารถเห็นเขาไปยังประภาคารได้ ดังนั้นฉันจะต้องมีความสุขมากๆแน่เลย และที่บ้านคนตาบอด พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถเห็นฉันได้”
            “แต่โจซีฟ” ฉันพูดนี่คือบ้านของคุณนะ คุณอยู่ที่นี้ได้ คุณไม่ต้องออกไปจากโรงพยาบาล”
            “ไม่วันนี้” เขาพูด “แต่จะเป็นเร็วๆนี้ คุณเป็นคนใจดี ด็อกเตอร์ทรีเวส แต่ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้นานหรอก ฉันไม่มีเงิน”
            ผมยิ้ม” โจซีฟ”ผมพูด “นี้คือบ้านของคุณ คุณไม่เข้าใจหรอ คุณสามารถอยูที่นี้ได้ตลอดชีวิต” ผมบอกคุณเกี่ยวกับจดหมายถึงเดอะทามและเงิน
            ฉันไม่เข้าใจ ดังนั้นฉันจะบอกคุรอีกครั้ง เขาเงียบไป1นาที หลังจากนั้นเขายืนขึ้นและเดินกลับห้องไปอย่างเงียบๆมีเสียงออกมาจากปากของเขา ดูเหมือนหัวเราะ
บทที่5 : ผู้เยี่ยมเยือนคนสำคัญ
            ผมไม่ต้องการให้แมริกอยู่เพียงลำพัง ดูเหมือนคนในประภาคาร เขาอ่านหนังสือของเขาและพูดคุยถึงฉันแต่ผมต้องการให้เขาพูดคุยถึงคนอื่นบ้าง และผมต้องการให้เขาพูดคุยถึงผู้หญิง
            แมริกอ่านเกี่ยวกับผู้หญิงในหนังสือของเขา แต่เขาไม่พูดคุยถึงเรื่องผู้หญิง เขาพบนางพยาบาลทุกๆวัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดคุยกับแมริกมากนัก  สำหรับพวกเขา แมริกเป็นสัตว์ประหลาด ไม่ใช่ผู้ชาย
            วันหนึ่ง เป็นวันของเพื่อนของผม มีผู้หญิงสาวสวย มาที่โรงพยาบาล ผมพูดคุยกับหล่อนเกี่ยวกับเรื่องแมริก และพาหล่อนไปที่ห้องของเขา หล่อนเปิดประตูเข้าไปและยิ้มให้กับเขา
            “สวัสดีตอนเช้า คุณแมริก” หล่อนพูด หลังจากนั้นหล่อนจับมือเขาเพื่อแสดงการทักทาย
            แมริกมองมาที่หล่อนประมาณ1นาทีพร้อมกับปากของเขาก็เปิดขึ้น หลังจากนั้นเขานั่งลงบนเตียงของเขา ด้วยหัวและมือของเขาและร้องไห้ เขาร้องไห้ประมาณ5นาที น้ำตาไหลผ่านหน้าของเขา ผ่านนิ้วมือของเขาและตกลงพื้น
            เพื่อนของผมนั่งลงบนเตียงตรงข้ามกับเขาและวางมือของหล่อนบนแขนของเขา หล่อนม่พูดอะไร แต่หล่อนยิ้มให้เขาและจับมืออีกครั้งก่อนจะหล่อนจะออกไป
            “ด็อกเตอร์ ทรีเวส” เขาพูดกับฉันเมื่อคนนั้น “ผู้หญิงคนนั้นสวยงามมาก แม่ของฉันเคยมองมาที่ฉันครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนยิ้มให้ฉันเลยในปัจจุบันนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้ยิ้มให้ฉันด้วย และหล่อนก็จับมือฉัน หล่อนยิ้มสวยงามมากและจับมือฉัน”
            เพื่อนผู้หญิงคนนั้นได้กลับมาอีกครั้งในอาทิตย์ถัดไป และพูดคุยกับแมริกครึ่งชั่วโมง อาทิตย์หลังจากนั้นอีก หล่อนก็ได้มาอีกพร้อมเพื่อน พวกเขาให้สมุดกับแมริก และกินน้ำชาพร้อมกับแมริก มันเป็นสิ่งที่ประทับใจมากสำหรับแมริก เป็นช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของเขา เขามีเพื่อน เขากลายเป็นผู้ชายที่มีความสุขมากๆ เขานั่งในห้องของเขา และอ่านหนังสือของเขา และไม่พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในโรงประภาคาร
            มีผู้คนเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องของแมริกมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงมีคนมาเยี่ยมเยอะขึ้น ทุกๆคนต้องการที่จะเห็นเขา มีผู้หญิงและผู้ชายคนสำคัญจำนวนมากที่ได้เยี่ยมเขา พวกเขายิ้มให้แมริก จับมือเขาและให้หนังสือแก่เขา แมริกชอบพูดคุยเกี่ยวกับผู้คนเหล่านั้น และเขาเริ่มลืมเกี่ยวกับหน้าตาอันอัปลักษณ์ของเขา ผู้คนที่มาเยี่ยมไม่เคยหัวเราะเขาเลย เขาเริ่มมีความรู้สึกเหมือนคนไม่ใช่สัตว์ประหลาด
            ในวันพิเศษวันหนึ่ง เป็นวันสำคัญที่ผู้หญิงกลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะมาเยี่ยมเขา ผมพบกับผู้หญิงคนนั้น และพาหล่อนไปยังห้องของแมริก หลังจากนั้นผมเปิดประตูและส่งยิ้มให้กับเขา
            “สวัสดี โจซีฟ” ผมพูดขึ้น “มีคนมาเยี่ยมคุณคนใหม่ในวันนี้ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก
            แมริกยืนขึ้นข้างๆกับโต๊ะของเขา เขาไม่ยิ้ม เพราะใบหน้าของเขาไม่สามารถที่จะยิ้มได้ แต่แววตาของเขาดูมีความสุขมาก
            “ดีจังเลย” เขาพูด “เขาเป็นใคร”
            ผมเดินออกไปอยู่ที่ประตู และผู้หญิงคนนั้นก็ได้เดินเข้ามา “ผู้มีอำนาจของคุณ นี้คือโจซีฟ แมริก” ผมพูด “โจซีฟ นี้คือผู้มีอำนาจ พระราชินี อเล็กซานดรา  ซึ่งเป็นพระราชินีของประเทศอังกฤษ”
            พระราชินี อเล็กซานดรา ส่งยิ้มมาที่เขา “คุณเป็นอย่างไรบ้าง แมริก” หล่อนพูด “ฉันดีใจที่ได้พบคุณ” หลังจากนั้นหล่อนจับมือเขา
            แมริกไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน ประมาณครึ่งนาทีเขาก็ได้ยืนขึ้นและมองไปที่หล่อนพร้อมกับปากของเขาเปิดขึ้น หลังจากนั้นเขาพูดด้วยเสียงที่แข็งแรงและช้าๆ
            “คุณเป็นอย่างไรบ้าง ผู้มีอำนาจของฉัน” เขาพูดขึ้น แต่ผมคิดว่าพระราชินีคงไม่เขาใจในสิ่งที่เขาพูดเพราะเขาพยายามที่จะคงเขาลงในเวลาต่อมา มันยากมากสำหรับเขา เพราะเขามีขาอันใหญ่มหึมา
            “ไม่เป็นไร แมริก ลุกขึ้นเถิด” พระราชินีพูดขึ้น “ฉันต้องการที่จะมาพูดคุยกับคุณพวกเราสามารถนั่งโต๊ะของคุณได้ไหม”
            “ได้ ได้ครับ ไม่มีปัญหา” เขาพูด พวกเรานั่งโต๊ะของเขา  หล่อนเอามือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา มันเป็นมือที่สวยมาก หล่อนมองดูที่มือด้วยความระมัดระวัง และหลังจากนั้นหล่อนยิ้มให้แมริกอีกครั้ง
            “ฉันเคยอ่านเรื่องของคุณในหนังสือพิมพ์” หล่อนพูด “คุณเป็นคนที่มีความน่าสนใจมาก คุณแมริก คุณใช้ชีวิตลำบาก แต่ผู้คนพูดคุยถึงคุณอย่างมีความสุข มันเป็นความจริงใช่ไหม คุณมีความสุขมนขณะนี้”
            “โอ้ว ใช่ครับ ใช่” แมริกพูด “ผมเป็นคนที่มีความสุข ผมมีบ้านในตอนนี้ และมีเพื่อน มีหนังสือ ในแต่ละวันผมมีความสุขทุกๆชั่วโมง”
            “เป็นเรื่องที่ดี” หล่อนพูด “ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น ตอนนี้ บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องที่คุณอ่าน ฉันเห็นคุณมีหนังสือเยอะอยู่ที่นี้”
            “โอ้ ได้ครับ ฉันรักหนังสือของฉัน” แมริกพูด และอีกครึ้งชั่วโมงพวกเราก็ได้นั่งพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือของเขา พระราชินีได้ให้หนังสือเล่มเล็กแก่เขาและดอกไม้สีแดงก่อนที่หล่อนจะออกไป
            หลังจากที่หล่อนมาเยี่ยมเขา แมริกเริ่มร้องเพลง เขาไม่สามารถร้องเพลงได้เมื่อก่อน เพราะปากของเขา แต่ทุกวันนี้เขาแข็งแรงขึ้น เสียงมีความสุขในห้องของเขา ผมมองที่ไปดอกไม้ของเขา และวางมันบนโต๊ะของเขา
            เขามีผู้คนมาเยี่ยมเขาเยอะขึ้นจากพระราชินี้ และเมื่อวันคริสมัส หล่อนส่งการ์ดคริสมัสมาให้แมริก ของขวัญเป็นรูปของพระราชินี อเล็กซานดรา กับชื่อของหล่อนบนนั้น แมริกร้องไห้ และวางมันด้วยความระมัดระวังไว้บเตียงนอนของเขา มันเป็นจดหมายฉบับแรกที่เขาได้รับในชีวิต
                                                                                                            โรงพยาบาลลอนดอน
                                                                                                วันที่23 เดือนธันวาคม คศ. 1888
พระราชินีที่รัก
            ขอบคุณมากๆๆสำหรับการ์ดอันสวยงามและรูปภาพที่สวยงาม มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในห้องของฉัน มันดีมากๆ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ฉันมี นี้คือของขวัญคริสมาสชิ้นแรกในชีวิตฉัน บางทีฉันมีวันคริสมัสกับแม่ของฉันเมื่อก่อนแต่ฉันจำมันไม่ได้ ฉันมีรูปภาพของแม่ด้วย และหล่อนสวยงามมากเหมือนคุณ แต่ตอนนี้ฉันรู้ว่ามีผู้หญิงที่มีชื่อเสียงจำนวนมากและผู้คนจำนวนมากชอบด็อกเตอร์ทรีเวส และฉันเป็นคนที่มีความสุขมากๆ ฉันมีความสุข เพราะฉันจะไปพบคุณปีใหม่นี้
มีความสุขในวันศริสมาส เพื่อนที่รักของฉัน
                                                                                                                             รัก
                                                                                                                        โจซีฟ แมริก
บทที่6: ออกจากโรงพยาบาล
          ในตอนนี้ แมริกมีเพื่อนเยอะมาก แต่เขาดูเหมือนเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เขาสามารถอ่านเกี่ยวกับสิ่งของและพูดคุยกับคนที่มาเยี่ยมเขา แต่เขาไม่สามารถออกไปจากโรงพยาบาลด้วยตัวเขาเองได้ เขามีความคิดและเล่นเหมือนเด็ก
            หลังจากวันคริสมาส เขาต้องการที่จะไปโรงละคร มันยากมากๆ เพราะผมไม่ต้องการให้คนในโรงละครเห็นเขา แต่มีผัหญิงในโรงละคร กานดอล ช่วยพวกเราได้  พวกเราซื้อตั๊วจากกล่องด้านนอกของโรงละคร พวกเราไปโรงละครด้วยรถแท็กซี่ด้วยกระจกที่มืด และพวกเราเข้าไปในโรงละครทางประตูด้านหลัง ประตูของพระราชินี ไม่มีใครเห็นพวกเรา
            มีนางพยาบาล3คนนั่งอยู่ด้านหน้าของโรงละครและแมริกกับผมนั่งอยู่ในที่มืดถัดจากพวกเขา ไม่มีใครในโรงละครเห็นพวกเราได้ แต่พวกเราสามารถเห็นการแสดง
            เด็กๆเล่นในวันคริสมาส แมริกรักการแสดง มันยอดเยี่ยมมาก การแสดงตื่นเต้นมาก บ่อยครั้งที่เขาหัวเราะและบางครั้งที่เขาพยายามร้องเพลงตามเด็กๆในโรงละคร เขาดูเหมือนเด็ก สำหรับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องเป็นความจริงทั้งหมด
            มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขากลัวมาก เพราะมีผู้ชายนิสัยไม่ดีแสดงอาการโกรธและมีมีด แมริกต้องการที่จะออกจากโรงละคร แต่ผมได้หยุดเขาไว้ หลังจากนั้นเขาโกรธผู้ชายที่แสดงคนนั้นมาก เขาตีมือของเขาบนเก้าอี้ และยืนขึ้นและพูดกับผู้ชายคนนั้น แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็โนจับขังคุก แมริกหัวเราะ
            แมริกคิดว่าหญิงสาวสวยที่แสดงในโรงละครนั้นยอดเยี่ยมมาก เขาต้องการที่จะพูดคุยกับหล่อนด้วย ในตอนจบของการแสดงละคร เขามีความสุขมากๆ เพราะหล่อนได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี
            เขาจำได้ว่าการแสดงละครนั้นมีความยาวนานมาก และเขาได้พูดเกี่ยวกับคนที่แสดงในนั้น “คุณคิดอย่างไรหลังจากที่พวกเราออกไป” เขาถามผม “หญิงสาวกับผู้ชายคนนั้นพักอาศัยอยู่ที่ไหน” “พวกเขากำลังทำอะไรอยู่มนตอนนี้”
            “ผมไม่รู้” ผมพูด “บางทีพวกเขาอยู่ในเมือง”
            แมริกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สักพักหนึ่ง หลังจากนั้น เขาพูดว่า “ด็อกเตอร์ ทรีเวส ฉันสามารถไปในเมืองได้ไหม” ฉันเคยเห็นเมืองครั้งหนึ่งตอนนั่งอยู่บนรถไฟ แต่ฉันไม่เคยเข้าไปในนั้น ฉันมักอ่านหนังสือเกี่ยวกับเมืองเป็นประจำ มันสวยงามมาก ไม่ใช่หรอ ฉันต้องการที่จะเห็นมัน
            การเดินทางจากโรงละครมันยากลำบากมาก แต่การเข้าไปในเมืองยากกว่าอีก แต่อีกสักครั้ง หนึ่งในเพื่อนใหม่สามารถช่วยพวกเราได้  หล่อนมีบ้านหลังเล็กๆในเมือง และแมริกสามารถสามารถพักที่นั้นได้ในช่วงฤดูร้อนนี้ หล่อนพูด
            ผมจะพาแมริกไปในเมืองด้วยรถไฟในช่วงค่ำ ดังนั้นไม่มีใครสามารถเห็นเขาได้ หลังจากนั้นพวกเราไปที่บ้านในเมืองโดยรถแท็กซี่
            ที่นั้นมีต้นไม้เป็นจำนวนมากใกล้ๆกับบ้าน แต่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่บริเวณนี้ ประชากรซื้ออาหารเข้าบ้านทุกๆวัน แต่ไม่มีคนเข้ามาอยู่ที่นั้น
            ผมพักอยู่กับเขาในคืนนี้ คืนนี้มันมืดและเงียบมาก ในตอนเช้า มีนกหนึ่งร้อยตัวร้องเพลงอยู่บนต้นไม้ และทุกสิ่งที่อยู่นอกบ้านล้วนแต่มีสีเขียว แมริกเดินเข้าไปใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูรอบๆอย่างมีความสุข และร้องเพลงด้วยเพลงอันแข็งแรงของเขา
            ผมได้กลับลอนดอน แต่แมริกอยู่ที่นี้ต่ออีก6อาทิตย์ เขาดูมีความสุขมากๆ ทุกอาทิตย์เขาจะเขียนจดหมายถึงผม
บ้านแอ็ปเปิ้ล ทรี
ทางตะวันตกของแว็กแฮม
เบิร์กเชียร์
วันที่21 เดือนกรกฏาคม 1889
ถึง ด็อกเตอร์ทรีเวสที่รัก
            ฉันมีวันที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งในวันนี้ มันอบอุ่นมาก ดังนั้นฉันได้เดินไปใต้ต้นไม้และนั่งข้างลำธาร
สายน้ำในลำธารมีเสียงที่ไพเราะมาก เหมือนกำลังร้องเพลง คุณรู้หรือไม่ ฉันได้ฟังมันจากสองบ้าน
            มีนกจำนวนมากบินมาใกล้ฉัน มีหนึ่งตัวที่มีสีแดงบินมาบริเวณหน้าฉัน ฉันให้ขนมปังและมันก็เกาะอยู่บนมือของฉัน นกทั้งหมดเป็นเพื่อนของฉัน
            ฉันได้นั่งดูปลาในลำธารด้วย พวกเขาตื่นเต้นมากเพราะพวกเขาว่ายน้ำอย่างเร็วมาก หนึ่งนาทีพวกเขาอยู่ตรงนี้ และนาทีต่อมา ฉันไม่สามารถเห็นพวกเขา แต่ฉันได้รออยู่อย่าเงียบๆ และพวกเขาก็ได้กลับมา ฉันวางมือของฉันในสายน้ำ แต่ฉันไม่สามารถจับมันได้
            เมื่อวานฉันได้พบหมาตัวใหญ่ มันเห่าเสียงดังมาก แต่ฉันไม่กลัวมัน ฉันนั่งอยู่อย่างเงียบๆและจ้องดูมัน มันเขามาหาฉันและดมกลิ่นที่มือของฉัน วันนี้ฉันเห็นมันอีกครั้ง ฉันจึงให้ขนมปังแก่มัน มันจึงรักฉัน
            ฉันเดินไปเก็บดอกไม้จากในเมือง ที่นั้นมีดอกไม้เป็นร้อยๆดอก คุณรู้หรือไม่ ฉันชอบดอกไม้สีฟ้าดอกเล็กๆที่สุด แต่ที่นั้น มันสวยทุกดอกเลย ฉันจึงพาดอกไม้กลับไปที่ห้องของฉัน ฉันให้น้ำในทุกๆตอนเช้า มีดอกไม้เล็ก30กว่าดอก
            ฉันอยู่ที่นี้มีความสุขมาก คุณหมอ แต่ฉันต้องการที่จะพบคุณอีกครั้งในเร็วๆนี้
                                                                                                            รักอย่างยิ่งเพื่อนของฉัน
                                                                                                            โจซีฟ แมริก
เมื่อสิ้นสุดฤดูร้อนนี้ เขากลับลอนดอน เขาดูดีมากๆ และผิวหนังของเขาดูดีกว่าเดิม เขาพูดคุยเกี่ยวกับเมืองนั้น แต่เขาดูมีความสุขเมื่อเห็นเพื่อนของเขาและหนังสือของเขาอีกครั้ง
บทที่7 จดหมายฉบับสุดท้าย
            หกเดือนหลังจากนั้น ในเดือนเมษายน ปี1890 ผมพบเขาเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน เขานอนหันหลัง ดังนั้นสิ่งแรกที่ผมคิด คือเขากำลังนอนหลับอยู่  ผมพูดกับเขา แต่เราไม่เคลื่อนย้ายตัว หลังจากนั้น ผมเห็นผิวบนใบหน้าของเขาเป็นสีฟ้า ดังนั้นผมจึงรู้ว่าเขาได้เสียชีวิตแล้ว
            เขาไม่ได้หลับเป็นปกติ หัวของเขาใหญ่มาก มันเลยมีน้ำหนักมาก ดังนั้น ปกติที่เขานั้งอยู่บนเตียงด้วยแขนของเขารอบขาของเขา และหัวของเขาอยู่บนหัวเขา เขาจึงหลับได้ดี
            แต่เขาต้องการที่จะหลับด้วยหลังของเขา เหมือนคุณและผม เขาเหนื่อยมากในการหลับด้วยหลังของเขา เขาเสียชีวิตเงียบมาก
            วันต่อมา ประธานของโรงพยาบาลลอนดอน คาร์ โคม เขียนจดหลังถึงบรรณาธิการของ เดอะ ทาม อีกครั้ง


เดอะ ทาม วันที่ 16 เดือนเมษายน ปี1890
ท่านสุภาพบุรุษที่รัก
          สามปีครึ่งที่แล้ว ผมได้เขียนจดหมายถึงคุณเกี่ยวกับคนๆหนึ่งซึ่งชื่อว่า โจซีฟ แมริก ผู้ที่ถูกเรียกว่ามนุษย์ช้าง เพราะเขาเกิดมาแล้วร่างกายของเขาน่ากลัว แมริกไม่ได้ป่วย แต่เขาไม่สามารถทำงานได้ และเขาไม่มีเงิน
            ผู้อ่านของ เดอะ ทาม มีความรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับเรื่องของเขามาก และทุกคนให้เงินแก่ผมเพื่อที่จะให้แมริก เพราะเงินนี้พวกเราจึงสามารถให้แมริกมีบ้านในโรงพยาบาลลอนดอนได้ มันคือบ้านหลังแรกของเขา สามปีครึ่งเขาอาศัยอยู่ที่นี้อย่างมีความสุขมาก คุณหมอและพยาบาลได้ช่วยเหลือเขา และที่สำคัญมีบุคคลสำคัญมาเยี่ยมเขาด้วย เขาอ่านหนังสือเป็นจำนวนมาก เขาได้ไปโรงละคร และในฤดูร้อน เขาพักอาศัยอยู่มนเมือง6สัปดาห์ เพราะเงินของผู้อ่าน พวกเราจึงสามารถทำให้ชีวิตเขามีความสุขได้
            เมื่อคืนที่ผ่านมา โจซีฟ แมริก ได้เสียชีวิตลงอย่างเงียบๆในห้องนอนของเขา เขาเป็นคนที่มีร่างกายน่าเกลียดมาก แต่เขาเป็นคนดี ใจดี และเขามีเพื่อนเป็นจำนวนมาก พวกเราชอบพูดคุยกับเขา และพวกเราเสียใจมากๆที่เขาเสียชีวิต
            ยังมีเงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้นผมจะนำเงินนี้มอบให้แก่โรงพยาบาล ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ
                                                                                                ผู้ที่มีความศรัทธาในศาสนาที่แท้จริง
เอฟ ซี คาร์ โกม
บรรณาธิการของโรงพยาบาลลอนดอน      


           
         
           
           



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น